GC พลิกวิกฤติโควิด-19 เป็นโอกาส สร้างเทรนด์รักษ์โลกแบบทันสมัย

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

(28 สิงหาคม 2563) ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดเตรียมมาตรการสำคัญและปรับกลยุทธ์ ช่วงวิกฤติโควิด-19 รวมถึงราคาน้ำมัน และสงครามทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ

โดย GC ยึดหลัก 4 มาตรการสำคัญ คือ 1. ความปลอดภัยของพนักงาน GC ยึดหลักความปลอดภัยของพนักงานทั้งที่ประจำโรงงานและที่ประจำสำนักงานกรุงเทพฯ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยให้พนักงานรักษาระยะห่างทางสังคม ( Physical Distancing) ด้วยการทำงานแบบ Work from Home มีการนำแอพพลิเคชั่นมาใช้ในการติดตามการดำเนินชีวิตของพนักงานเพื่อพิจารณาความเสี่ยงและดูแลพนักงาน และในอนาคต GC จะปรับเปลี่ยนสำนักงานให้เป็น Smart Office ที่มีความคล่องตัว

2. ความต่อเนื่องทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) GC ปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มขีดความสามารถของพนักงาน (Upskill & Reskill) และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพให้แก่ลูกค้า 3. การช่วยเหลือชุมชนและสังคมโดยรวม GC นำผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมของบริษัทฯ มาใช้ในการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ทางการแพทย์ และส่งต่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์หลากหลายชนิด และ4. ความชัดเจนในการสื่อสาร

ในปีนี้ GC ได้ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและนำมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการผ่านเกณฑ์การประเมินของ FTSE หนึ่งในดัชนีชั้นนำด้านความยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก FTSE4Good Index Series ในอันดับที่ 3 ในปี 2563 และได้รับการจัดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยฟุซซี่ รัสเซล (FTSE Russell) การได้รับคัดเลือกดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบขององค์กรที่ดำเนินธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมีหลักธรรมาภิบาลเพื่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG Performance)

สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) มีรายได้จากการขายรวม 69,271 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 26 จากไตรมาส 1/2563 และลดลงร้อยละ 35 จากไตรมาส 2/2562 โดยบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง) ในไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 1,409 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1,128 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 25


โดยมี Adjusted EBITDA ในไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 6,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาส 1/2563 แต่ลดลงร้อยละ 15 จากไตรมาส 2/2562 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net Reversal of NRV) เป็นผลขาดทุนรวม 899 ล้านบาท รวมทั้งผลการขาดทุนตราสารอนุพันธ์ 340 ล้านบาท และจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาสจึงส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,501 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 1,671 ล้านบาท (0.37 บาท/หุ้น) ปรับสูงขึ้นจาก ไตรมาส 1/2563 ร้อยละ 119

GC มีการขยายธุรกิจเพื่อต่อยอดโครงการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในบริเวณพื้นที่ EEC โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงการหลักที่ตอบสนองนโยบาย New S-Curve ของภาครัฐ.