วันนี้ (ศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563) นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น มีการระบาดในวงกว้างอย่างรวดเร็วและมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 1,100 คนแล้ว ประกอบกับรัฐบาลได้มีการประกาศ พรก. ฉุกเฉินเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
สมาคมฯ จึงได้แจ้งให้บริษัทสมาชิกพิจารณาการยกระดับการเตรียมความพร้อมและประกาศใช้แผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยเร็ว โดยเน้นการปรับรูปแบบการทำธุรกิจเป็นดิจิทัลอินชัวเรอร์ให้มากที่สุด
“ ธุรกิจประกันวินาศภัยซึ่งอยู่ในระหว่างการ Transform ตัวเองไปเป็น Digital Insurance คงต้องเร่งสปีดในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับสถานการณ์ในขณะนี้ เราคงต้องนำรูปแบบและวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพิ่มมากขึ้นในกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อสามารถจะให้บริการกับผู้เอาประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและไม่หยุดชะงัก ที่สำคัญคือสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด ได้เป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ที่ผ่านมาหลายบริษัทได้มีการปรับรูปแบบวิธีและกระบวนการทำงานให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรียบร้อยแล้ว และขยายขอบเขตการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการพิจารณารับประกันภัย ระบบการออกและนำส่งกรมธรรม์ (E-Policy) ระบบการต่ออายุกรมธรรม์ (E-Renewal) ระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) ระบบการชำระเงิน (E-Payment) และระบบ Call Center อย่างไรก็ตาม บริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบคงต้องรีบเร่งกระบวนการ Digitalized ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายนั้น เนื่องจากธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นธุรกิจที่ถูกกำกับโดยสำนักงาน คปภ. สมาคมฯ จึงได้ส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์จากสำนักงาน คปภ. เพื่อพิจารณาผ่อนผันให้บริษัทประกันวินาศภัยนำส่งรายงานและข้อมูลทั้งหมดในรูปแบบและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์แต่เพียงอย่างเดียวได้ ไม่ต้องนำส่งรายงานและข้อมูลในรูปแบบของ Hard Copy และ CD ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสิ้นปีหรือเมื่อสถานการณ์มีความคลี่คลาย
“การปรับเปลี่ยนนั้นคงต้องไปด้วยกันทั้งระบบ ทั้งฝั่งบริษัทประกันภัยและฝั่งผู้กำกับดูแล การปรับรูปแบบและการนำส่งเอกสารให้เป็นอิเลคทรอนิคส์ทั้งหมด จะช่วยให้การนำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทประกันวินาศภัยมาใช้ปฏิบัตินั้น สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและสอดคล้องกับการประกอบธุรกิจประกันภัยในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี”
นอกจากนี้สมาคมฯ ยังได้เน้นให้บริษัทสมาชิกกำหนดให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้านให้มากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด ของพนักงานจากการเดินทางมาปฏิบัติงาน และจัดสรรทรัพยากรที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการดำเนินการดังกล่าว และคงไว้สำหรับพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานนอกสถานที่เพื่อให้บริการลูกค้าและงานอื่นที่จำเป็นเท่านั้น… อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/765368