เปิดไทม์ไลน์2หญิงไทยติดโอไมครอนหลังกลับจากไนจีเรีย

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

ศบค.เผยไทม์ไลน์ 2 หญิงไทยติดเชื้อโอไมครอน หลังเดินทางไปร่วมประชุมที่ไนจีเรีย พบยังไม่เคยได้รับวัคซีน มีอาการป่วยไอ เจ็บคอเล็กน้อย ล่าสุดหายป่วยรักษาครบกำหนดแล้ว

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ โอไมครอน เพิ่ม 2 ราย โดยเป็นหญิงไทยอาชีพล่ามประจำคริสตจักรแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น 2 ใน 3 คนไทยที่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมตัวแทนคริสตจักรในช่วงวันที่ 13-23 พ.ย.64 ที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย รวมผู้เข้าประชุมทั้งหมด 20 คน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยันสายพันธุ์อีกครั้ง

สำหรับไทม์ไลน์มีดังนี้

รายแรก เป็นหญิงไทยวัย 46 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน

– 21 พ.ย.64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ

 

– 23 พ.ย.64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย

– 24 พ.ย.64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ผลตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด

– 25 พ.ย.64 เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง

– 5 ธ.ค.64 ครบกำหนดการกักตัว

รายที่สอง เป็นหญิงไทยวัย 36 ปี ยังไม่เคยได้รับวัคซีน แต่ช่วงเดือน ก.ค.เคยป่วยเป็นโควิด-19 และเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัม

– 21 พ.ย.64 ตรวจ RT-PCR ที่ไนจีเรีย ผลเป็นลบ

สธ.พบอีก1ชายไทยมีโอกาสติดโอไมครอนหลังมาจากคองโก
เปิดข้อมูล10จว.ติดเชื้อโควิด กทม.แชมป์853ราย
– 24 พ.ย.64 เดินทางกลับถึงไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้า ASQ ที่โรงแรมแห่งเดียวกับรายแรก ผลตรวจ RT-PCR พบว่าติดเชื้อโควิด

– 25 พ.ย.64 เริ่มป่วย ไอ เจ็บคอเล็กน้อย เข้ารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง

– 5 ธ.ค.64 ครบกำหนดการกักตัว

แต่เนื่องจากวันที่ 26 พ.ย.64 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเรื่องสายพันธุ์โอไมครอน ดังนั้นจึงได้นำตัวอย่างเชื้อของทั้งสองรายไปตรวจย้อนหลังเพิ่มเติม ผลพบว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เป็นสายพันธุ์โอไมครอน จึงเข้าสู่ขั้นตอนการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อยืนยันผลอีกครั้ง ซึ่งจะออกมาภายใน 1-2 วันนี้

ระหว่างนี้กรมควบคุมโรคได้เข้าไปสอบสวนโรคเพิ่มเติมพบว่าทั้งสองรายทำกิจกรรมในระหว่างเข้าประชุมโดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยและไม่เคยได้รับวัคซีนทำให้เสี่ยงสูงในการติดเชื้อ พร้อมทั้งสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับ 2 รายนี้

อย่างไรก็ตามแม้ทั้งสองรายจะรักษาครบกำหนดแล้วแต่ก็ได้ติดต่อให้คุมไว้สังเกตเพิ่มเติมอีก 7 วัน

ส่วนคนไทยอีก 1 คนที่เดินทางเข้าร่วมประชุมเช่นเดียวกันนั้นได้เดินทางต่อไปยังสวีเดน และจากการตรวจสอบไปทางสวีเดนพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน