โควิดคือเหรียญสองด้าน อยู่ที่จะพลิกให้เป็นวิกฤตหรือโอกาส : ปริญญ์ พานิชภักดิ์

ธุรกิจ - การลงทุน

(4 กันยายน พ.ศ. 2563) ถ้าเรามองว่าโควิด-19 คือ เหรียญสองด้านมีทั้งด้านวิกฤต และโอกาส อยู่ที่ใครจะมองเป็นด้านไหน ตามแนวคิดของ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการธุรกิจเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หนึ่งในวิทยากรที่มาทอล์คในงาน Startup Thailand x Innovation Thailand Expo 2020 กล่าวว่า เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในมุมต่างๆ มากมายหลังจากเกิดโควิด-19

ก่อนเกิดโควิด-19 คนเริ่มพูดกันถึงเรื่อง Digital Transformation ทั้งภาครัฐภาคเอกชนหรือแม้แต่ระดับประเทศ แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถ Transformation ตัวเองได้ เพราะไม่รู้ว่าหน้าที่ใครที่จะต้อง Transformation CEO CTO หรือเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี แต่แล้วเมื่อโควิด-19 เข้ามาโควิด-19 คือตัวช่วย Transformation องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนไปในทันที

การเกิดขึ้นของปรากฎการณ์ work from home ซึ่งคนไทยไม่เคยทำมาก่อนแต่ก็สามารถทำได้ด้วยดี อย่าง NIA เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำ WFH ทุกวันนี้พนักงานบางส่วนยัง WFH อยู่เลย หรือการจัดอีเว้นท์งานต่างๆ ต้องยุติลงทำให้หันไปจัดแบบ Virtral อย่างงาน Startup Thailand x Innovation Thailand Expo 2020 ก็หันมาจัดแบบออนไลน์กลับเป็นผลดีทำให้คนสามารถเข้ามาดูได้เป็นหมื่นๆ คน

หลายธุรกิจกลับไม่ได้ตายไปกับโควิด-19 แต่กลับเติบโตเพราะโควิด-19 อย่างธุรกิจจัดส่งอาหารกลับเติบโตมากขึ้น หรือธุรกิจเกษตรที่ร้อยเอ็ดกับยโสธรกลับมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นเพราะการขายออนไลน์ และยังทำให้เกิดการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น การใช้โดรนส่งสินค้าทำให้เขาไม่ต้องมาพบกันแต่ค้าขายได้ หรือการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบ Virtual เป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เขาท่องเที่ยวได้เสมือนจริง แม้จะมีการนำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้มากมายแต่กลับไม่ค่อยเห็นการเติบโตเท่าที่ควร เพราะติดปัญหาเรื่องกฎหมายทำให้เป็นอุปสรรคกับเขา นี่คือสิ่งทำให้นวัตกรรมไม่สามารถใช้ในประเทศไทยได้อย่างเต็มที่

ถ้าพูดถึง Touchless Economy หรือการใช้จ่ายแบบไร้สัมผัส สิ่งเหล่านี้มาถึงไทยแล้วแต่ไทยไม่ค่อยมีการปรับใช้มากเท่าที่ควรเหมือนอย่างจีนเขาใช้ดิจิทัลหยวนกันแล้ว แต่ไทยเพิ่มเริ่มทำดิจิทัลบาท ที่เห็นภาพ Touchless Economy ในช่วงโควิด-19 ที่ชัดก็คือการทำธุรกรรมการเงินผ่านออนไลน์แค่นั้นเอง

แต่ต่อไปเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องการเงินมากขึ้น แม้แต่การปล่อยสินเชื่อเองก็จะใช้เรื่องโซเชียลเครดิตสกอร์โดยใช้บล็อกเชนเป็นตัวดูว่าคนนี้ควรได้รับสินเชื่อหรือเปล่า ทุกอย่างคือดาต้าหมดอยู่ที่ว่าใครจะนำดาต้ามาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด หรือการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลก็ควรทำเหมือนกับสิงคโปร์ที่ใช้ระบบบล็อกเชนทำให้ได้ราคากลางที่แท้จริง ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรนำระบบนี้มาใช้เพื่อให้เกิดธรรมภิบาลที่แท้จริง

โควิด-19 เป็นปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนโลกจริงๆ ยังช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเอสเอ็มอีหรือสตาร์ทอัพไทยมีการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตขึ้นได้ ถ้าเขารู้จักสร้างธุรกิจหรือต่อยอดธุรกิจ อย่าง เพนกวิน อีท ชาบู และอีเว้นท์ป็อป เขาเกือบไม่รอดเพราะโควิด แต่พอจับมือกับทำธุรกิจขายหม้อชาบูผ่านอีเว้นท์ป็อป เขากลับเป็นเอสเอ็มอีที่ถูกจับตามอง แต่สุดท้ายสิ่งสำคัญที่จะทำให้เอสเอ็มอีหรือสตาร์ทอัพรอดจากโควิด-19 ได้คือ การที่เขาเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นกว่านี้

https://www.banmuang.co.th/news/it/204933