เศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อหดหาย อากาศแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการโฮมโปรไตรมาสแรก

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 18,654.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,707.38 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัทมีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของโฮมโปรลดลงในไตรมาสแรกเกิดจากการชะลอตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของโครงการ E-Receipt ของรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญ โดยในปีนี้มีการแบ่งวงเงินลดหย่อนภาษีออกเป็นสองส่วน คือ 30,000 บาทสำหรับร้านค้าทั่วไป และ 20,000 บาทสำหรับวิสาหกิจชุมชนและร้านค้า OTOP ทำให้วงเงินที่สามารถใช้ได้กับร้านค้าทั่วไปอย่างโฮมโปรลดลงจากปีก่อนที่มีวงเงินรวม 50,000 บาท

ปัจจัยด้านปฏิทินก็มีผลกระทบไม่น้อย เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้มีจำนวนวันทำการน้อยกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดขายรวมของบริษัท อีกทั้งปัจจัยด้านสภาพอากาศก็มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้ากว่าปกติ และมีฝนตกในหลายพื้นที่ในช่วงที่ควรจะเป็นหน้าร้อน ทำให้ความต้องการสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศและพัดลม มียอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แม้จะมีปัจจัยลบหลายประการ แต่โฮมโปรก็ยังมีข่าวดีในส่วนของรายได้ค่าเช่า ซึ่งมีจำนวน 471.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.54% เมื่อเทียบกับปีก่อน การเติบโตของรายได้ในส่วนนี้มาจากความสามารถในการจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากการขายสินค้าได้บางส่วน

นายวีรพันธ์ได้อธิบายถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ว่ายังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ หนึ่งในปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่ยังขาดความชัดเจนและแน่นอน ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้น เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคของภาคประชาชนที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกมาตรการผ่านโครงการ Easy E-Receipt 2568 ในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้บริโภคสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ที่แบ่งวงเงินออกเป็นสองส่วนดังที่กล่าวไปแล้ว ส่งผลให้มูลค่าการใช้สิทธิในร้านค้าทั่วไปอย่างโฮมโปรลดลง ซึ่งมีผลต่อยอดขายของบริษัท

ในเดือนมีนาคม นอกจากปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการขายสินค้าทำความเย็นแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศพม่าซึ่งส่งผลกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร ทางโฮมโปรได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสาขาและสำนักงานอย่างละเอียด และไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด

นายวีรพันธ์ยังได้กล่าวถึงบทบาทของโฮมโปรในการช่วยเหลือสังคมหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยบริษัทได้ให้บริการตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัยให้กับภาคครัวเรือน พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการสินค้าในหมวดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังจากขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินความเสียหายเสร็จสิ้น

แม้จะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่โฮมโปรยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ เช่น กิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมสำหรับการรองรับความต้องการในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่คาดว่าจะมีการเติบโตในช่วงถัดไป

โดยสรุป ผลประกอบการของโฮมโปรในไตรมาสแรกของปี 2568 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศหลายประการ ทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเปลี่ยนแปลงนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล สภาพอากาศที่แปรปรวน และเหตุการณ์แผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการเติบโตและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์และการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านของประเทศไทย