“พิชัย” เปิดเวที OECD เร่งปรับมาตรฐาน-เปิดตลาด-ดันเศรษฐกิจโปร่งใส

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 กระทรวงพาณิชย์ได้จัดการประชุมสำคัญร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน พร้อมด้วยนายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการ OECD ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าของไทยในระยะยาว

นายพิชัยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อประเทศไทย โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีโลก นอกจากนี้ การเป็นสมาชิก OECD ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD ที่มีอยู่ 38 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการได้รับองค์ความรู้ คำปรึกษา และความช่วยเหลือทางวิชาการจาก OECD โดยตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

“ไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนกระบวนการปรับปรุงภายใน เพื่อให้สอดรับกับมาตรฐานของ OECD และผลักดันให้การเข้าเป็นสมาชิกบรรลุผลโดยเร็ว กระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนเต็มที่ ผ่านคณะกรรมการและคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการการค้าของ OECD” นายพิชัยกล่าวด้วยความมั่นใจ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD เป็นอย่างมาก เนื่องจากเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในระยะยาว

ในการหารือกับเลขาธิการ OECD นายพิชัยได้นำเสนอนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) รูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญในปัจจุบัน เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงแผนการปรับโครงสร้างการส่งออกของไทยให้ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารสมัยใหม่ที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูง ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ได้รับข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์จากเลขาธิการ OECD เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ในโอกาสเดียวกันนี้ นายพิชัยยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการของ OECD ในหัวข้อ “Transforming Competition, Driving the Economy, and Improving Quality of Life” ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนจากนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมอย่างคับคั่ง การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ในการกล่าวเปิดงาน นายพิชัยได้เน้นย้ำว่าการแข่งขันเสรีเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การยกระดับนวัตกรรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมบทบาทของ OECD ที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยผ่านโครงการ Country Program Phase 2 โดยเฉพาะการเสริมสร้างศักยภาพให้กับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และการปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล

“ในยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน การส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมไม่เพียงสร้างผู้ประกอบการใหม่และเพิ่มการจ้างงานเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความเท่าเทียมและสวัสดิการที่ดีขึ้นให้กับผู้บริโภคทุกคน โดยสำนักงาน กขค. จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสำคัญในการกำกับดูแลให้ตลาดมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส” นายพิชัยกล่าวด้วยความมุ่งมั่น พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ในช่วงท้ายของการประชุม นายพิชัยได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและตั้งใจที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD โดยเร็วที่สุด และจะเดินหน้าปรับปรุงกฎระเบียบและมาตรฐานต่างๆ ภายในประเทศให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และเอื้อต่อการยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทยในระยะยาว

นอกจากนี้ นายพิชัยยังได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทย เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในการปรับปรุงกฎระเบียบและแนวปฏิบัติต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในระยะแรก แต่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในระยะยาว

OECD หรือองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2504 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 38 ประเทศทั่วโลก และมีหลายประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก เช่น บราซิล เปรู โครเอเชีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย โดย OECD มีภารกิจหลักในการจัดทำนโยบายที่เน้นการช่วยเหลือให้ประเทศสมาชิกบรรลุถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงานที่มีคุณภาพ และการยกระดับความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ภายใต้การคลังที่มีเสถียรภาพ ผ่านการค้าและการลงทุนบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและเป็นธรรม

การเข้าเป็นสมาชิก OECD ของประเทศไทยจะเป็นการยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีโลก ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการได้รับประโยชน์จากองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศสมาชิกอื่นๆ ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต